วันนี้เรามีความรู้เด็ดในการรีโนเวทบ้านเก่าของเราใน10ขั้นตอน ให้กลายเป็นบ้านหลังใหม่ เป็นทรัพย์ที่มีคุณค่า นอกจากเราสามารถทำให้บ้านหลังใหม่ของเราให้น่าอยู่มากขึ้น ยังสามารถขายออกได้ราคาด้วย
1.ประเมินงบประมาณตัวเอง
ก่อนเราจะรีโนเวทบ้าน/ซ่อมแซม/ต่อเติมทุกครั้ง เราต้องตรวจดูงบประมาณของตัวเองว่า มีเท่าไหร่ พอที่จะรีโนเวทบ้านใหม่หรือไม่ นอกจากเราจะมีงบไว้รีโนเวทบ้านแล้ว เราต้องมีงบสำรองไว้ด้วย เผื่อยามฉุกเฉินจะได้นำเงินส่วนนี้มาแก้ไขได้ทัน
2. ตั้งวัตถุประสงค์
การตั้งวัตถุประสงค์ เป็นสิ่งสำคัญนอกจากช่วยให้คุณไม่วอกแวก และมีเป้าหมายที่ชัดเจน ได้บ้านที่เป็นแบบในฝันงบประมาณไม่บานปลาย ดังนั้น ก่อนคิดจะรีโนเวทบ้านต้องเข้าใจตัวเองก่อนว่า อยากรีโนเวทแบบไหน เช่น
– ปรับปรุงบ้านทั้งหลัง เนื่องจากบ้านหลังมีอายุมากสภาพเก่าทรุดโทรมมาก หรือมีความเสียหายหลายส่วน
– จัดแบ่งพื้นที่ใช้สอยใหม่เพื่อให้มีความหลากหลายเพิ่มขึ้น
– ซ่อมแซมบางส่วนที่เสียหาย โดยถือโอกาสปรับปรุงสภาพให้ดียิ่งขึ้น เช่น เพดานห้องนอนชำรุด หรือพื้นดาดฟ้ารั่ว
– ปรับปรุงใหม่ให้ใช้งานดีขึ้น ถึงแม้ไม่ได้มีอะไรเสียหายก็ตามเช่น ปรับเปลี่ยนมุมหน้าต่างใหม่เพื่อรับแสงแดด
– ปรับโฉมใหม่ตามสไตล์ที่ชอบ เช่น ปรับแต่งห้องนั่งเล่นให้เหมือนสวนธรรมชาติ
3. รวบรวมข้อมูลและรูปแบบที่ชอบ
เมื่อเราได้รูปแบบบ้านส่วนหรือบริเวณที่เราอยากจะรีโนเวทแล้วเราจะต้องไปศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด พร้อมรวบรวมรูปแบบที่ตัวเองต้องการ เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุง หรือใช้เป็นข้อมูลในการออกแบบของสถาปนิกหรือมัณฑนากร และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญต่างๆ
4. หาแหล่งวัสดุ
ในการรีโนเวทบ้าน การหาแหล่งวัสดุเป็นเรื่องสำคัญ เราจะต้องรู้ว่าเราจะหาแหล่งวัสดุที่นำมาใช้ในการรีโนเวทบ้านจากแหล่งใด ต้องการบ้านรีโนเวทแบบใหน ส่วนใหญ่เขาใช้วัสดุอะไร พร้อมหาข้อมูลวัสดุชนิดเหล่านั้นอย่างละเอียด แล้วไปหาแหล่งซื้อวัสดุอีกที เพื่อให้ได้ราคาที่เราพึงพอใจ เหมาะสม และอยู่ในงบประมาณของเรา
5. ตรวจสอบสภาพพื้นที่
ก่อนรีโนเวทบ้าน ควรตรวจสอบส่วนต่างๆ ของบ้านเสียก่อน ว่ามีส่วนบริเวณส่วนใดยังใช้งานได้ดี หรือมีส่วนใดที่เสียหายต้องซ่อมแซมทั้งก่อน และขณะลงมือปรับปรุงบ้าน โดยการทำ Check List ในแต่ละห้องหรือแต่ละพื้นที่ตามประเภทงานต่างๆ โดยแบ่งเป็นงานโครงสร้าง งานสถาปัตยกรรม พื้นที่รอบบ้าน งานระบบไฟฟ้า งานระบบประปาและสุขาภิบาล ตลอดจนกำหนดแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขที่เหมาะสมในแต่ละงาน อาจจะปรึกษาวิศวกร สถาปนิก หรือผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
6. สรุปงานที่ต้องการปรับปรุง
เป็นวิธีการสรุปงานที่ต้องปรับปรุง เราจะต้องพิจารณางานจาก Check List ที่ทำไว้ในข้อที่ผ่านมา โดยทำการปฏิบัติงานที่ต้องการปรับปรุงตามวัตถุประสงค์ เพื่อให้สอดคล้องกับงบประมาณที่ตั้งไว้
7. จัดงบประมาณในการปรับปรุงบ้าน
ในการรีโนเวทบ้านนอกจากจะต้องตั้งงบประมาณในการรีโนเวทบ้านแล้วเรา แต่ยังต้องใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ดังนั้น วิธีการแบ่งงบประมาณมีอยู่ 3 ส่วนหลักๆ ดังนี้
1 ค่าออกแบบโดยสถาปนิก มัณฑนากร วิศวกรโครงสร้าง และวิศวกรงานระบบต่างๆ
2 ค่าใช้จ่ายเพื่อปรับปรุง ได้แก่ ค่าวัสดุ ค่าแรงก่อสร้าง ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า รวมถึงค่าดำเนินการต่าง ๆ ระหว่างการก่อสร้าง
3 ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าเช่าโกดังเก็บของ ค่าเช่าบ้านอยู่ชั่วคราว ค่าบริการที่ปรึกษางานก่อสร้าง ฯลฯ
นอกจากนี้ยังต้องมีค่าใช้จ่ายสำรองในส่วนอื่น ๆ อีก ดังนั้น คุณควรตั้งงบประมาณให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้บานปลาย
8. ปรึกษาผู้ออกแบบหรือผู้เชี่ยวชาญ
ก่อนอื่นเราจะต้องรู้ว่า ผู้รับเหมากับผู้ออกแบบแยกกันทำงานคนละรูปแบบ โดยเจ้าของบ้านสามารถตรวจสอบและปรับปรุงแบบบ้านให้ตรงตามความต้องการได้จากผู้ออกแบบ ก่อนดำเนินการก่อสร้างโดยผู้รับเหมา นอกจากนี้ผู้ออกแบบจะมีส่วนร่วมในฐานะที่ปรึกษาของเจ้าของบ้าน ตลอดจนร่วมตรวจคุณภาพงานและวิธีแก้ปัญหาของผู้รับเหมาในระหว่างก่อสร้างด้วย
ดังนั้น นอกเหนือจากประสบการณ์ด้านการออกแบบแล้ว ประสบการณ์ด้านการควบคุมงานและประสานงานก่อสร้างของผู้ออกแบบจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะอาจส่งผลต่อความล่าช้าและงบประมาณในการปรับปรุงบ้านได้
9. วางแผนการทำงาน
ก่อนที่ผู้รับเหมาจะดำเนินการปรับปรุงบ้านหรือซ่อมแซม จะต้องมีการวางแผนหรือแจกแจงรายละเอียดการทำงานให้ชัดเจนก่อน เพื่อป้องกันการผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ต้องซ่อมแซมส่วนที่ต้องการ หรือไล่ลับดับการปรับปรุงบ้านให้ดูดีขึ้น
10.ดูบ้านตัวอย่าง
การดูบ้านตัวอย่างจากหลาย ๆ แห่ง เพื่อเอามาประยุกต์ใช้กับตัวเองนั้นถือว่าดีมาก แต่หากว่าเราสามารถเข้าไปพูดคุยกับเจ้าบ้านตัวอย่างโดยตรง เพื่อขอรายละเอียดในการรีโนเวทบ้าน พร้อมรวบรวมความรู้ต่าง ๆ ให้มากที่สุด จะเป็นการที่ดีมาก เพื่อป้องกันการลองผิดลองถูกจนต้องเสียงบประมาณและเสียเวลาสำหรับการรีโนเวทบ้าน